ร่มวะงะสะ (Wagasa) หรือที่รู้จักในชื่อร่มกระดาษญี่ปุ่น คือร่มพื้นเมืองของประเทศญี่ปุ่นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติล้วนๆ โดยใช้กระดาษญี่ปุ่นคุณภาพสูง (Washi) ไม้ไผ่คัดพิเศษ และน้ำมันพืชในการเคลือบกันน้ำ ร่มชนิดนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือกันฝนหรือกันแดดธรรมดา แต่เป็นงานศิลปะที่สะท้อนวัฒนธรรมและความประณีตของช่างฝีมือญี่ปุ่นที่สืบทอดมากว่า 500 ปี
สำหรับผู้ที่มองหาร่มสำหรับกิจกรรมพิเศษ เช่น พิธีแต่งงานสไตล์ญี่ปุ่น การถ่ายภาพในชุดกิโมโน งานเทศกาล การแสดงศิลปะ หรือธุรกิจที่ต้องการของตกแต่งสถานที่สไตล์ญี่ปุ่น ร่มวะงะสะถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังสร้างบรรยากาศและความประทับใจที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้
ทีมงานเซียนร่มจะพาคุณไปทำความรู้จักกับร่มวะงะสะอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ประเภทต่างๆ กระบวนการผลิต ไปจนถึงคำแนะนำในการเลือกซื้อและดูแลรักษาสำหรับการใช้งานระยะยาว
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
ประวัติความเป็นมา จากราชสำนักสู่ชาวบ้าน
เส้นทางของร่มวะงะสะนั้นยาวนานและน่าทึ่ง จากสิ่งของสูงค่าในราชสำนัก ค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตและแฟชั่นของคนทั่วไป ก่อนจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในฐานะงานศิลปะล้ำค่า
ยุคเริ่มต้น (ศตวรรษที่ 6-12) : สัญลักษณ์แห่งอำนาจและจิตวิญญาณ
เรื่องราวของร่มวะงะสะเริ่มต้นขึ้นจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีนในช่วงสมัยเฮอัง (Heian Period) พร้อมกับการเผยแผ่ของวัฒนธรรมพุทธศาสนา ในยุคแรกนั้น ร่มไม่ได้ถูกใช้เพื่อกันฝน แต่เป็น สัญลักษณ์แห่งอำนาจและสิ่งมงคล สำหรับชนชั้นสูงและขุนนางเท่านั้น โดยใช้เพื่อป้องกันแสงแดดและขับไล่สิ่งชั่วร้ายตามความเชื่อ
สีแดงที่เรามักเห็นในร่มโบราณนั้นมีความหมายเชิงจิตวิญญาณ เชื่อกันว่าช่วยปัดเป่าโชคร้ายและนำโชคดีมาสู่ผู้ถือ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ร่มสีแดงยังคงนิยมใช้ในพิธีแต่งงานและงานมงคลสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้
ยุคพัฒนา (ศตวรรษที่ 14-16) : จุดเปลี่ยนแห่งนวัตกรรม
จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 เมื่อช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นได้พัฒนานวัตกรรมที่ทำให้ร่มวะงะสะแตกต่างจากร่มต้นแบบของจีนอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ กลไกการพับเก็บได้
ช่างญี่ปุ่นได้คิดค้นชิ้นส่วนที่เรียกว่า “โรคุโระ” (Rokuro) ซึ่งเป็นแกนไม้สำหรับยึดซี่ร่ม ทำให้ร่มสามารถกางออกและหุบเก็บได้อย่างนุ่มนวลและลงตัว นวัตกรรมนี้ได้เปลี่ยนร่มที่เคยพกพาลำบาก ให้กลายเป็นของใช้ที่สะดวกสบายและพร้อมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ยุครุ่งเรือง (สมัยเอโดะ 1603-1868) : ยุคทองแห่งร่มวะงะสะ
สมัยเอโดะถือเป็น “ยุคทอง” ที่ร่มวะงะสะได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในราชสำนักอีกต่อไป เหล่าไดเมียว (ผู้ปกครองเมือง) ได้ส่งเสริมการผลิตร่มให้เป็นอุตสาหกรรมหลักของท้องถิ่น เพื่อสร้างรายได้ให้กับซามูไรระดับล่างที่ว่างงาน
ในยุคนี้เองที่ ร่มจาโนเมะงะสะ (Janomegasa) ที่มีลวดลายวงกลมคล้าย “ดวงตาของงู” ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องผู้ถือจากภยันตราย นอกจากนี้ การที่หญิงสาวในชุดกิโมโนถือร่มวะงะสะยังได้กลายเป็นภาพลักษณ์แห่งแฟชั่นที่ทันสมัยและบ่งบอกถึงรสนิยมอันประณีต
ยุคเสื่อมถอยและการฟื้นฟู (ศตวรรษที่ 20-ปัจจุบัน)
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง การเข้ามาของร่มสไตล์ตะวันตกที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งมีราคาถูกกว่า เบากว่า และทนทานกว่า ทำให้ความนิยมของร่มวะงะสะลดลงอย่างน่าใจหาย จำนวนช่างฝีมือผู้สืบทอดภูมิปัญญานี้ลดน้อยลงจนเหลือเพียงไม่กี่แห่งในเมืองสำคัญอย่างเกียวโตและกิฟุ
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา กระแสความสนใจในวัฒนธรรมดั้งเดิม, สินค้าทำมือคุณภาพสูง, และความยั่งยืน ได้ช่วย “ฟื้นคืนชีวิต” ให้กับร่มวะงะสะอีกครั้ง ทีมงานเซียนร่มมองว่านี่คือโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่แตกต่างอย่างแท้จริง
วัสดุและกระบวนการผลิต ศิลปะแห่งความประณีต

การผลิตร่มวะงะสะคือศิลปะแห่งความประณีตที่ต้องใช้ความชำนาญสูงและเวลานานหลายสัปดาห์ ทุกชิ้นส่วนล้วนมาจากธรรมชาติและผ่านกระบวนการทำมือที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี นี่คือเหตุผลว่าทำไมร่มวะงะสะจึงเป็นมากกว่าแค่ร่ม แต่คืองานศิลปะที่มีชีวิต
วัตถุดิบจากธรรมชาติ
- ไม้ไผ่ (Bamboo): คือกระดูกสันหลังของร่ม ไม้ไผ่แต่ละชนิดถูกเลือกใช้ต่างกัน เช่น ไม้ไผ่เหลือง (Madake) ที่ยืดหยุ่นใช้ทำซี่ร่ม หรือ ไม้เนื้อแข็ง (Egonoki) ที่ใช้ทำแกนกลางซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ไม้ไผ่คุณภาพดีต้องผ่านการบ่มนาน 2-3 ปีเพื่อให้ได้ความแข็งแรงทนทานสูงสุด
- กระดาษวาชิ (Washi Paper): คือผิวหนังที่ห่อหุ้มร่ม เป็นกระดาษญี่ปุ่นทำมือที่มีความเหนียวและทนทานเป็นพิเศษ ทำจากเปลือกไม้ธรรมชาติ เช่น กระดาษโคโซะ (Kozo) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง
- น้ำมันเคลือบกันน้ำ (Waterproofing Oil): คือเกราะป้องกันร่มจากธรรมชาติ โดยใช้น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันชิโสะ (จากงาญี่ปุ่น) หรือ น้ำมันป่าน (Linseed Oil) ทาเคลือบบนผิวกระดาษเพื่อกันน้ำ
- สีและแลคเกอร์ธรรมชาติ: ทุกการตกแต่งล้วนมาจากธรรมชาติ เช่น สีแดงเบงการะ ที่ทำจากแร่เหล็ก หรือ แลคเกอร์อุรุชิ ที่ทำจากยางไม้พิเศษเพื่อเพิ่มความเงางามและทนทาน
กระบวนการผลิต
กว่าจะได้ร่มวะงะสะ 1 คัน ต้องผ่านมือช่างผู้ชำนาญหลายคนและใช้เวลานานถึง 2-4 สัปดาห์ โดยมีขั้นตอนหลักที่น่าทึ่งดังนี้
- สร้างโครงร่ม: เริ่มจากการเหลาไม้ไผ่ด้วยมือให้เป็นซี่ร่มที่เท่ากันทุกอัน (ประมาณ 40-48 ซี่) จากนั้นจึงนำมาเจาะรูและร้อยด้วยเชือกเพื่อยึดเข้ากับแกนกลาง (โรคุโระ) ด้วยเทคนิคการผูกปมแบบโบราณที่ทั้งแข็งแรงและสวยงาม
- ติดกระดาษ: เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้สมาธิสูงสุด ช่างจะนำกระดาษวาชิมาทากาวแล้วค่อยๆ ติดลงบนโครงร่มที่กางออก ต้องใช้ความชำนาญในการดึงกระดาษให้ตึงพอดี ไม่ย่นหรือหย่อนเกินไป เพื่อให้ร่มมีรูปทรงที่สวยงามและกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เคลือบกันน้ำ: หลังจากติดกระดาษเสร็จ ร่มจะถูกนำไปทาด้วยน้ำมันพืชทีละชั้นๆ อย่างพิถีพิถัน จากนั้นนำไปตากให้แห้งในที่ร่มนานหลายวัน กระบวนการนี้อาจทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่มสามารถกันน้ำได้จริง
- ตกแต่งและตรวจสอบ: ขั้นตอนสุดท้ายคือการเพิ่มความสวยงาม เช่น การทาสีที่ปลายซี่ร่ม, การเคลือบเงาด้วยแลคเกอร์, และการหุ้มด้ามจับด้วยหวาย ก่อนจะนำไปตรวจสอบคุณภาพทุกจุด ตั้งแต่การกาง-หุบ, การทดสอบกันน้ำ, และ “บ่ม” ร่มทิ้งไว้หลายวันเพื่อให้ทุกส่วนประกอบผสานกันอย่างลงตัว
การเลือกซื้อร่มวะงะสะ
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของร่มวะงะสะ ไม่ว่าจะเพื่อใช้ส่วนตัวหรือสั่งผลิตสำหรับธุรกิจ ทีมงานเซียนร่มมีคำแนะนำที่ครอบคลุมทั้งสองกลุ่มมาฝากครับ
สำหรับผู้ซื้อรายบุคคล
1. ถามตัวเองก่อน ซื้อไปทำอะไร?
การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกร่มได้ถูกประเภทและคุ้มค่าที่สุด
- ใช้กันฝนจริงจัง: เลือกร่มชนิด บังงะสะ หรือ จาโนเมะงะสะ ที่เคลือบน้ำมันอย่างดี
- ใช้ถ่ายภาพหรืองานพิเศษ: เลือกร่มชนิด ฮิงะสะ ซึ่งเน้นความสวยงามและลวดลายที่อ่อนช้อย
- ใช้ประกอบการแสดง: เลือกร่มชนิด มัยงะสะ ที่มีน้ำหนักเบาและออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหว
- ใช้ตกแต่งบ้านหรือร้านค้า: สามารถเลือกได้ทุกรูปแบบตามสไตล์ที่ชอบ โดยไม่จำเป็นต้องกันน้ำ
2. ตรวจสอบคุณภาพวัสดุด้วยสายตาและสัมผัส
- โครงร่ม: ซี่ร่มทุกซี่ต้องตรง ไม่คดงอหรือมีรอยแตก
- กระดาษ: ผิวกระดาษวาชิต้องเรียบเนียน ไม่ยับ และไม่มีรอยปะซ่อม
- การเคลือบ: หากเป็นร่มกันฝน การทาน้ำมันต้องดูสม่ำเสมอ ไม่เป็นจุดหรือหยด
- กลไก: แกนกลาง (โรคุโระ) ต้องทำงานลื่นไหล สามารถกางและหุบได้ง่าย ไม่ติดขัด
- รายละเอียด: เชือกที่ร้อยและส่วนตกแต่งต่างๆ ต้องผูกอย่างแน่นหนาและสวยงาม
3. ทดลองใช้งานจริง (ถ้าเป็นไปได้)
หากคุณซื้อที่ร้านโดยตรง ควรขอทดลองกางและหุบเพื่อตรวจสอบความรู้สึกในการใช้งาน
- น้ำหนักพอดีกับตัวคุณหรือไม่?
- ความสูงของด้ามจับเหมาะสมหรือไม่?
- เมื่อกางออกแล้วมีขนาดที่พอดีกับการใช้งานของคุณหรือไม่?
4. สอบถามเรื่องการดูแลและซ่อมแซม
ร้านค้าที่ดีและน่าเชื่อถือจะสามารถให้คำแนะนำในการดูแลรักษาได้อย่างละเอียด และควรแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการรับซ่อมได้ว่ามีบริการหรือไม่ และมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าใด
5. เข้าใจเรื่องราคา
ร่มวะงะสะแท้ที่ทำด้วยมือทุกขั้นตอนมีราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาทขึ้นไป หากพบร่มที่มีราคาต่ำกว่านี้มาก ให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นสินค้าที่ผลิตด้วยเครื่องจักรจากประเทศจีน ซึ่งมีคุณภาพและความทนทานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สำหรับธุรกิจและฝ่ายจัดซื้อ
1. วางแผนล่วงหน้าคือหัวใจสำคัญ
การผลิตร่มวะงะสะเป็นงานฝีมือที่ใช้เวลานาน หากต้องการสั่งผลิตในปริมาณมาก ควรวางแผนล่วงหน้าเสมอ
- 10 คันขึ้นไป: ควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2-3 เดือน
- 50-100 คัน: อาจต้องใช้เวลาในการผลิตนานถึง 6-12 เดือน
2. พิจารณาทางเลือกที่คุ้มค่า
สำหรับธุรกิจที่ต้องการจำนวนมากแต่งบประมาณจำกัด อาจพิจารณาร่มแบบ “กึ่งสำเร็จรูป” ที่ผลิตโครงด้วยเครื่องจักร แต่ยังคงประกอบและตกแต่งด้วยมือ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ 30-50% โดยยังคงความสวยงามและคุณภาพที่ดีไว้ได้
3. สร้างเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์เฉพาะ (Custom Design)
โรงงานผลิตหลายแห่งรับออกแบบและทำลวดลายพิเศษตามคำสั่งซื้อ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่าง เช่น
- โรงแรมและรีสอร์ทที่ต้องการใส่โลโก้หรือสีประจำแบรนด์
- ร้านอาหารที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
- บริษัทออแกไนเซอร์ที่จัดงานแต่งงานหรืองานอีเวนต์พิเศษ
4. ใส่ใจเรื่อง สัญญาและการตรวจสอบ
- สัญญาบำรุงรักษา: หากสั่งซื้อจำนวนมาก ควรเจรจาให้มีสัญญาบริการดูแลรักษารายปี เพื่อความอุ่นใจในระยะยาว
- ขอตัวอย่างก่อนเสมอ: อย่าลืมขอตัวอย่างสินค้าจริงมาตรวจสอบคุณภาพและความพึงพอใจก่อนตัดสินใจสั่งผลิตล็อตใหญ่
แหล่งซื้อร่มวะงะสะในประเทศญี่ปุ่น
- Tsujikura (เกียวโต): โรงงานเก่าแก่ที่สุด ก่อตั้งปี 1690 เชี่ยวชาญร่มเกียวโตแบบดั้งเดิม (เว็บไซต์: www.kyoto-tsujikura.com)
- Wagasa Casa (กิฟุ): ร้านค้าออนไลน์ที่รวบรวมร่มจากช่างฝีมือทั่วเมืองกิฟุ มีให้เลือกหลากหลายและรับส่งสินค้าต่างประเทศ (เว็บไซต์: wagasa.shop)
- Kanazawa Wagasa (คานาซาวะ): มีชื่อเสียงด้านร่มที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อฝนและหิมะโดยเฉพาะ (เว็บไซต์: kanazawa-wagasa.com)
การนำร่มวะงะสะไปใช้ในกิจกรรมและธุรกิจ

ร่มวะงะสะไม่ใช่แค่เครื่องมือกันฝนหรือของสะสม แต่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับธุรกิจและกิจกรรมได้หลากหลาย ทีมงานเซียนร่มขอแนะนำแนวคิดและตัวอย่างการใช้งานที่น่าสนใจดังนี้
สำหรับงานมงคลและช่วงเวลาแห่งรัก
ร่มวะงะสะเป็นสัญลักษณ์ที่งดงามสำหรับวันสำคัญ โดยเฉพาะในงานแต่งงานและงานเฉลิมฉลอง
- ในพิธีแต่งงานสไตล์ญี่ปุ่น: ร่มจาโนเมะงะสะสีแดงสดมักถูกใช้ในพิธีสำคัญเพื่อความเป็นสิริมงคลและปกป้องเจ้าสาวที่สวมชุดชิโระมุคุสีขาวบริสุทธิ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดูขรึมขลังและเปี่ยมด้วยความหมาย
- ในการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง: ร่มวะงะสะได้กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของช่างภาพ เพราะช่วยสร้างมิติ, เพิ่มสีสัน, และบอกเล่าเรื่องราวที่งดงามให้กับภาพถ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- สำหรับงานเลี้ยงและอีเวนต์: โรงแรมหรือสถานที่จัดงานกลางแจ้งหลายแห่งนิยมนำร่มวะงะสะมาใช้ต้อนรับแขก หรือจัดเป็นจุดถ่ายภาพที่น่าประทับใจ สร้างบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร
สร้างบรรยากาศและเอกลักษณ์ให้ธุรกิจ
สำหรับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น, โรงแรม, หรือรีสอร์ท ร่มวะงะสะคือเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการสร้างบรรยากาศ
- ของตกแต่งที่สร้างสรรค์: ร่มวะงะสะสามารถแปลงโฉมเป็นของตกแต่งที่สร้างบรรยากาศได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแขวนกลับหัวเพื่อทำเป็นโคมไฟสุดเก๋, การกางประดับบนผนัง, หรือการจัดวางเป็นจุดถ่ายภาพ (Photo Spot) ที่น่าสนใจ ซึ่งดึงดูดให้ลูกค้าถ่ายรูปและแชร์ลงบนโซเชียลมีเดีย อันเป็นการตลาดที่ทรงพลัง
- ไอเท็มที่เป็นเอกลักษณ์ (Signature Item): โรงแรมหรูบางแห่งใช้ร่มวะงะสะเป็นไอเท็มพิเศษสำหรับแขก เพื่อใช้เดินเล่นในบริเวณโรงแรม หรือจำหน่ายเป็นของที่ระลึกระดับพรีเมียม สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
สำหรับงานศิลปะ วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์
ด้วยความงามที่เป็นเอกลักษณ์ ร่มวะงะสะจึงเป็นที่นิยมในแวดวงศิลปะและวัฒนธรรมอย่างกว้างขวาง
- ในสื่อบันเทิง: มักถูกใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากที่สำคัญในละครโทรทัศน์หรือมิวสิควิดีโอ เพื่อสร้างบรรยากาศย้อนยุคหรือสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น
- สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์: เป็นไอเท็มยอดนิยมในกลุ่มคอสเพลย์ (Cosplay) และยังเป็นแรงบันดาลใจในการจัดเวิร์คช็อปสอนศิลปะ เช่น การวาดลวดลายบนร่มกระดาษ
- ในด้านการศึกษาและการท่องเที่ยว: โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นหลายแห่งใช้ร่มวะงะสะเป็นสื่อการสอนด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ บริษัททัวร์ยังนิยมจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เช่าชุดกิโมโนพร้อมร่มวะงะสะเพื่อเดินชมเมืองเก่าในญี่ปุ่น สร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและน่าประทับใจ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ได้ครับ แต่ต้องเป็นแบบที่เคลือบน้ำมันพืช (บังงะสะและจาโนเมะงะสะ) ส่วนฮิงะสะและมัยงะสะไม่กันน้ำ ร่มที่กันน้ำก็ไม่ควรใช้ในฝนตกหนักหรือนานเกิน 30-45 นาที เพราะกระดาษจะเริ่มซึมน้ำได้
หากดูแลดี สามารถใช้ได้ 10-20 ปีหรือมากกว่า แต่กระดาษอาจต้องเปลี่ยนทุก 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งานและสภาพแวดล้อม ร่มที่เก็บเป็นของตกแต่งอาจอยู่ได้หลายสิบปี
ปัจจุบันยังไม่มีร้านนำเข้าอย่างเป็นทางการในไทย ทางเลือกคือ
– สั่งออนไลน์จากเว็บไซต์ญี่ปุ่น (Wagasa Casa, Tsujikura)
– ซื้อเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น ที่เกียวโต กิฟุ โตเกียว
ขึ้นได้ครับ แต่ต้องเช็คเป็นกระเป๋าใบใหญ่ ห้ามนำขึ้นเครื่องแบบถือติดตัว เพราะมีโครงไม้ไผ่ยาวอาจถือว่าเป็นอาวุธได้ ควรห่อด้วยกระดาษฟองและใส่กล่องแข็งเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างขนส่ง

โรงงานผลิตร่ม ขายส่งร่มราคาถูกจากโรงงาน
หาสนใจซื้อร่มจากร้านขายร่มราคาถูกจากโรงงานสามารถติดต่อได้ตามที่อยู่ด้านล่างค่ะ
ติดต่อโรงงานผลิตร่ม เซียนร่ม
เวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ (8.00-17.00) หยุดวันอาทิตย์
ฝ่ายขาย : 098-3287854 , 061-6762488 Tel & Fax. : 02-9218852 , 034-106215 Website : zeanrom.com | Facebook : Zeanrom | Line : @ZeanRom