คุณรู้หรือไม่ว่าร่มที่คุณใช้อยู่ทุกวัน อาจไม่ได้ช่วยป้องกันรังสี UV ที่เป็นตัวการทำร้ายผิวได้เลย? การเลือกร่มผิด ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยปกป้อง แต่ยังอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อปัญหาผิวคล้ำเสียและริ้วรอยก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว
อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดๆ มาทำร้ายผิวของคุณ! ทีมงานเซียนร่ม จะพาไปไขทุกข้อข้องใจเกี่ยวกับร่มกันแดดและร่มกัน UV พร้อม Checklist ที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกร่มคันใหม่ได้อย่างถูกต้องและคุ้มค่าที่สุด
หัวข้อย่อยมีอะไรบ้าง ?
แสง UV คืออะไร ? ทำไมต้องป้องกัน

แสง UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต เป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 100-400 นาโนเมตร ซึ่งตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แม้จะมองไม่เห็น แต่รังสีชนิดนี้ก็ส่งผลกระทบต่อผิวหนังและสุขภาพของเราอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนอย่างไทยที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี การป้องกันแสง UV จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
นอกจากแหล่งกำเนิดธรรมชาติจากดวงอาทิตย์แล้ว มนุษย์ยังสามารถสร้างรังสีชนิดนี้ได้เอง เช่น จากการทำให้วัตถุมีอุณหภูมิสูงเกิน 2,500 องศาเคลวิน หรือจากเครื่องมือทางการแพทย์บางชนิด
3 ประเภทของรังสี UV
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ UV ที่เราพูดถึงกันนั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละชนิดมีความรุนแรงแตกต่างกันไป
- รังสี UVC: เป็นรังสีที่อันตรายที่สุด แต่ถูกชั้นบรรยากาศโอโซนของโลกกรองไว้ได้ทั้งหมด
- รังสี UVA และ UVB: คือรังสีสองชนิดที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน และเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวหนังต่างๆ ตั้งแต่ผิวคล้ำเสียไปจนถึงริ้วรอยก่อนวัย
ทีมงานเซียนร่ม จะขออธิบายถึงรังสี UVA และ UVB ที่เราต้องรับมือนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
ค่า SPF คืออะไร ? อ่านอย่างไรให้ถูกต้อง
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายที่สุด มันคือ “ค่าพลังป้องกันผิวไหม้จากแดด” นั่นเอง
ค่า SPF เป็นตัวเลขที่บอกว่าครีมกันแดดนั้นสามารถยืดระยะเวลาที่ผิวของคุณจะทนต่อ รังสี UVB (ตัวการหลักที่ทำให้ผิวไหม้แดดและแสบแดง) ได้นานขึ้นกี่เท่า เมื่อเทียบกับการไม่ได้ทาอะไรเลย
ลองดูตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าปกติแล้วผิวของคุณจะเริ่มแดงเมื่อโดนแดดเป็นเวลา 10 นาที
- หากคุณทาครีมกันแดด SPF 30 มันจะช่วยยืดเวลาให้คุณทนแดดได้นานขึ้น 30 เท่า คือ 300 นาที (10 นาที x 30)
- หากคุณทาครีมกันแดด SPF 50 มันจะช่วยยืดเวลาให้คุณทนแดดได้นานขึ้น 50 เท่า คือ 500 นาที (10 นาที x 50)
ช่วงค่า SPF และความเหมาะสมในการใช้งาน
- SPF 15-30: เหมาะสำหรับ การใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่ไม่ได้โดนแดดจัด เช่น การทำงานในออฟฟิศ หรือการเดินไปทานข้าวกลางวัน
- SPF 30-50: เป็นระดับที่แนะนำสำหรับ กิจกรรมกลางแจ้งทั่วไป เช่น การเดินทาง, การทำธุระนอกบ้าน, หรือการไปเที่ยวในช่วงกลางวัน
- SPF 50+: เหมาะสำหรับ กิจกรรมที่ต้องเผชิญแดดจัดเป็นเวลานาน เช่น การเล่นกีฬา, การไปทะเล, หรือการเดินป่า
ข้อจำกัดสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับ SPF
หัวใจสำคัญที่หลายคนมักเข้าใจผิดคือ SPF วัดประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB เท่านั้น ไม่ได้บอกถึงการป้องกัน รังสี UVA (ตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอยและความคล้ำเสียในระยะยาว)
ดังนั้น นอกจากจะดูค่า SPF แล้ว คุณควรมองหาสัญลักษณ์ “PA+” (ยิ่งมีเครื่องหมาย + เยอะ ยิ่งกัน UVA ได้ดี) หรือคำว่า “Broad Spectrum” บนผลิตภัณฑ์ด้วยเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับการปกป้องครบทุกมิติ
คำแนะนำจากทีมงานเซียนร่ม : เพื่อการปกป้องผิวที่ดีที่สุดและครอบคลุมที่สุด ควรใช้ครีมกันแดดควบคู่ไปกับการกางร่มกัน UV เสมอ เพราะร่มเปรียบเสมือนเกราะป้องกันทางกายภาพที่ช่วยบล็อกทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ร่มกัน UV มีกี่ประเภท ? เลือกแบบไหนดี

1. ร่มพับ (Folding Umbrella) เพื่อนคู่ใจนักเดินทาง
นี่คือร่มประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะถูกออกแบบมาเพื่อ “ความสะดวกในการพกพา” โดยเฉพาะ สามารถพับเก็บได้เล็กกะทัดรัดพอที่จะใส่ลงในกระเป๋าทำงานหรือกระเป๋าเป้ได้สบายๆ
- จุดเด่น: น้ำหนักเบา, พกพาง่าย, ราคาเข้าถึงง่าย
- เหมาะกับใคร: คนทำงานออฟฟิศ, นักเรียน, นักศึกษา, และทุกคนที่ต้องเดินทางเป็นประจำ
2. ร่มตอนเดียว (Classic Umbrella) แข็งแรงทนทาน สไตล์คลาสสิก
ร่มตอนเดียวคือร่มแบบดั้งเดิมที่มีด้ามยาวและโครงสร้างเป็นชิ้นเดียว ซึ่งทำให้มีความ “แข็งแรงและทนทาน” มากกว่าร่มพับอย่างเห็นได้ชัด
- จุดเด่น: โครงสร้างแข็งแกร่งทนทาน, ใช้งานได้ยาวนาน, ดูเป็นทางการ
- เหมาะกับใคร: การใช้งานในโรงแรม, ออฟฟิศ, หรือสำหรับคนที่ต้องการร่มที่ใช้งานหนักและมีอายุการใช้งานยาวนาน
3. ร่มกลับด้าน (Reverse Umbrella) นวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบาย
ร่มกลับด้านคือร่มที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อแก้ปัญหาคลาสสิกของร่มทั่วไป โดยเมื่อหุบร่มแล้ว “ด้านที่เปียกจะถูกพับเก็บไว้ข้างใน” ทำให้ไม่เปียกเลอะเทอะ
- จุดเด่น: หุบร่มในที่แคบได้ (เช่น ในรถ), ไม่ทำให้น้ำหยดเลอะเทอะ, ดีไซน์ทันสมัย
- เหมาะกับใคร: ผู้ที่ขับรถเป็นประจำ, ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด, และมองหาของขวัญที่ดูมีนวัตกรรม
4. ร่มกอล์ฟ (Golf Umbrella): ปกป้องเต็มที่สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
ร่มกอล์ฟคือร่มขนาดใหญ่พิเศษ (30 นิ้วขึ้นไป) ที่ถูกสร้างมาเพื่อ “ความแข็งแกร่งและการปกป้องสูงสุด” มีโครงสร้างที่ทนทานต่อลมแรงในสนามกว้างได้เป็นอย่างดี
- จุดเด่น: พื้นที่กำบังขนาดใหญ่ (ใช้ได้ 2-3 คน), โครงแข็งแรงทนลมแรง, ผ้าร่มหนาป้องกัน UV ได้ดีเยี่ยม
- เหมาะกับใคร: นักกอล์ฟ, ครอบครัวที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง, หรือใช้ในงานอีเวนต์ที่ต้องการการปกป้องเต็มที่
5. ร่มสนาม (Outdoor Umbrella) ร่มเงาขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจ
ร่มสนามคือร่มขนาดใหญ่พิเศษที่ใช้สำหรับตั้งพื้น ไม่ได้ใช้สำหรับถือ มีขนาดตั้งแต่ 34 นิ้วขึ้นไป ออกแบบมาเพื่อ “สร้างพื้นที่ร่มเงา” สำหรับลูกค้าและกิจกรรมต่างๆ
- จุดเด่น: ขนาดใหญ่มาก, โครงสร้างและฐานแข็งแรง, ผ้าใบหนาทนทานต่อสภาพอากาศ
- เหมาะกับใคร: ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, โรงแรม, หรือผู้จัดงานอีเวนต์กลางแจ้ง
วิธีเลือกร่มกัน UV ให้เหมาะกับการใช้งาน

1. เริ่มต้นที่ “ผ้าร่ม” หัวใจของการป้องกัน
- ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester): คือตัวเลือกยอดนิยมที่สมดุลที่สุด ทั้งกันแดดและกันน้ำได้ดีในราคาที่เข้าถึงง่าย เคล็ดลับ: มองหาผ้าที่มีความหนาแน่น 190T ขึ้นไป (ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งหนาและทนทาน)
- ผ้าไนลอนเคลือบสารสีเงิน (Silver Coating): เปรียบเสมือน “เกราะป้องกันขั้นสุด” ชั้นฟิล์มสีเงินด้านในจะทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนรังสี UV และความร้อนออกไปได้ดีเยี่ยม ทำให้ใต้ร่มเย็นสบายเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ
- ผ้าซาติน (Satin): เน้นความสวยงามและความหรูหราเป็นหลัก เหมาะสำหรับใช้เป็นของขวัญหรือร่มสำหรับงานพิเศษ แต่ประสิทธิภาพในการกันแดดอาจไม่สูงเท่าผ้าชนิดอื่น
2. เลือก “สีร่ม” ให้ตรงใจ เรื่องของความร้อนและการป้องกัน
- สีเข้ม (ดำ, กรมท่า, เทาเข้ม): ทำหน้าที่เหมือน “แว่นกันแดด” ที่ช่วยดูดซับและป้องกันรังสี UV ไม่ให้ทะลุผ่านมาถึงผิวได้ดีที่สุด แต่ข้อเสียคือจะดูดซับความร้อนไว้ ทำให้ใต้ร่มอาจรู้สึกร้อนกว่า
- สีอ่อน (ครีม, ฟ้าอ่อน, ชมพูพาสเทล): ทำหน้าที่เหมือน “กระจกสะท้อนแสง” ช่วยสะท้อนความร้อนออกไป ทำให้ใต้ร่มรู้สึกเย็นสบายกว่า แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีอาจน้อยกว่าสีเข้มเล็กน้อย
3. ตรวจสอบ “โครงร่ม” กระดูกสันหลังของความทนทาน
- โครงไฟเบอร์กลาส: เป็นวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับร่มคุณภาพสูง มีน้ำหนักเบา, ยืดหยุ่นสูง (ทนลมแรงได้ดี), และไม่เป็นสนิม
- โครงเหล็ก: เป็นมาตรฐานที่แข็งแรงและทนทานในราคาที่คุ้มค่า เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่อาจมีน้ำหนักมากกว่าและต้องระวังเรื่องสนิมหากดูแลไม่ดี
- โครงอลูมิเนียม: มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบามากและไม่เป็นสนิม จึงนิยมใช้ในร่มพับที่เน้นการพกพา แต่อาจมีความแข็งแรงไม่เท่าโครงเหล็ก
เทคนิคการใช้ร่มกัน UV ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
1. ถือร่มให้ถูกวิธี
- ระดับความสูงที่พอดี: ควรถือร่มในระดับที่สามารถบังศีรษะและช่วงไหล่ของคุณได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ควรถือสูงเกินไปเพราะจะเปิดช่องให้แสงแดดส่องเข้ามาด้านข้างได้
- ปรับองศาสู้แดด: พยายามเอียงร่มเข้าหาทิศทางที่แสงแดดส่องมาเสมอ เพื่อสร้างเงาให้ครอบคลุมร่างกายให้ได้มากที่สุด
2. ใช้ร่วมกับ “ทีมป้องกัน” อื่นๆ
ร่มกัน UV เปรียบเสมือน “เกราะป้องกันหลัก” แต่เพื่อการปกป้องที่สมบูรณ์แบบ ควรมี “ทีมสนับสนุน” ด้วย
- ทาครีมกันแดด: โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ ซึ่งอาจได้รับแสงสะท้อนจากพื้น
- สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม: หากต้องอยู่กลางแดดนานๆ การใส่เสื้อแขนยาวจะช่วยปกป้องผิวบริเวณแขนได้ดียิ่งขึ้น
- ใส่แว่นกันแดด: เพื่อปกป้องดวงตาของคุณจากรังสี UV โดยตรง
3. เลือกเวลาออกแดดอย่างชาญฉลาด
- หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด: คือช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UVB มีความเข้มข้นสูงสุด หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกในช่วงเวลานี้ การกางร่มคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
- อย่าประมาทแดดอ่อนๆ: แม้จะเป็นช่วงเช้าหรือเย็นที่แดดไม่ร้อน แต่รังสี UVA ยังคงมีอยู่ตลอดทั้งวัน การกางร่มจะช่วยปกป้องผิวของคุณจากการแก่ก่อนวัยได้
4. ดูแลรักษาร่มให้เหมือนใหม่เสมอ
- ตากให้แห้งทุกครั้ง: หากร่มเปียกฝน ควรกางผึ่งลมในที่ร่มให้แห้งสนิทก่อนพับเก็บเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อราและยืดอายุการใช้งานของสารเคลือบกัน UV
- ทำความสะอาดเป็นครั้งคราว: ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดฝุ่นและคราบสกปรกบนผ้าร่ม จะช่วยให้ร่มดูใหม่และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- เก็บในที่ที่เหมาะสม: ควรเก็บร่มในที่แห้งและไม่โดนแดดโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคลือบเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
คำแนะนำจากทีมงานเซียนร่ม: การดูแลรักษาร่มอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่มของคุณดูดีเหมือนใหม่ แต่ยังเป็นการรักษาประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ให้คงอยู่ได้ยาวนานที่สุดอีกด้วย
เปรียบเทียบร่มกัน UV กับวิธีป้องกันแดดอื่นๆ
ร่มกัน UV VS ครีมกันแดด
| ปัจจัย | ร่มกัน UV | ครีมกันแดด |
| การป้องกัน | ป้องกันทั้ง UVA และ UVB | ขึ้นกับค่า SPF และ PA |
| ใช้งานได้นาน | ใช้ได้หลายปี | ต้องซื้อเติมบ่อย |
| ความสะดวก | ต้องถือไว้ตลอด | ทาครั้งเดียว |
| ราคา | ลงทุนครั้งเดียว | ซื้อเป็นประจำ |
| ผลข้างเคียง | ไม่มี | อาจแพ้บางคน |
สรุป: ทั้งสองควรใช้ร่วมกัน เพราะครีมกันแดดป้องกันบริเวณที่ร่มบังไม่ถึง ส่วนร่มช่วยบังแดดได้กว้างและไม่ต้องทาซ้ำ
ร่มกัน UV VS หมวก/ผ้าคลุม
| ปัจจัย | ร่มกัน UV | หมวก/ผ้าคลุม |
| พื้นที่ป้องกัน | กว้างมาก | จำกัดเฉพาะศีรษะไหล่ |
| ความเย็นสบาย | ดีมาก มีลมพัดผ่าน | ร้อนกว่า ติดกับผิว |
| ความสะดวก | ต้องถือด้วยมือ | สวมไว้ได้เลย |
| ดูแลรักษา | ง่าย | ต้องซักบ่อย |
สรุป: ร่มเหมาะกับการเดินทางระยะสั้น หมวกเหมาะกับกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้งสอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับร่มกัน UV
ร่มทุกแบบกัน UV ได้หรือไม่ ?
ไม่ใช่ทุกร่มที่กัน UV ได้เท่ากัน ร่มที่มีประสิทธิภาพในการกัน UV ต้องมีผ้าเคลือบ UV พิเศษ หรือใช้ผ้าหนาแน่นที่สามารถบล็อกแสง UV ได้
ร่มธรรมดาทั่วไปอาจกันแสงแดดได้บ้าง แต่อาจไม่สามารถกัน UV ได้เท่ากับร่มที่ออกแบบมาเฉพาะ ทีมงานเซียนร่มแนะนำให้เลือกซื้อร่มที่ระบุชัดเจนว่า “กัน UV” หรือ “UV Protection”
ร่มสีไหนกัน UV ได้ดีที่สุด ?
ร่มสีเข้มโดยทั่วไปกัน UV ได้ดีกว่าสีอ่อน โดยเฉพาะสีดำ สีน้ำเงินเข้ม และสีเทาเข้ม สามารถบล็อกแสง UV ได้มากกว่า 90%
อย่างไรก็ตาม สีผ้าไม่ใช่ปัจจัยเดียว หากร่มมีเคลือบ UV พิเศษด้านใน แม้จะเป็นสีอ่อนก็ยังกันแดดได้ดี ที่สำคัญคือต้องมีเคลือบ UV และผ้าหนาแน่น
ร่มกัน UV ใช้ได้นานแค่ไหน ?
ประสิทธิภาพการกัน UV ของร่มจะค่อยๆ ลดลงตามการใช้งานและกาลเวลา โดยเฉลี่ยร่มคุณภาพดีสามารถรักษาประสิทธิภาพได้ 3-5 ปี หากดูแลรักษาอย่างดี
สัญญาณที่บอกว่าร่มเริ่มเสื่อมสภาพ เช่น ผ้าซีดจาง เคลือบลอกหลุด ผ้าบางลง หากพบเช่นนี้ควรเปลี่ยนร่มใหม่เพื่อรักษาประสิทธิภาพ
ราคาร่มกัน UV อยู่ที่เท่าไหร่ ?
ร่มกัน UV มีราคาหลากหลายตามขนาด คุณภาพ และยี่ห้อ เริ่มตั้งแต่ 150 บาทสำหรับร่มพับทั่วไป ไปจนถึง 1,500 บาทขึ้นไปสำหรับร่มพรีเมียม
ทีมงานเซียนร่มแนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องเลือกร่มราคาแพงเสมอไป ร่มราคา 300-600 บาทที่มีเคลือบ UV ดีและโครงแข็งแรงก็เพียงพอสำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว
ร่มกัน UV กับร่มกันฝนต่างกันอย่างไร ?
ความแตกต่างหลักอยู่ที่การเคลือบผ้า ร่มกันฝนเน้นกันน้ำ ส่วนร่มกัน UV เน้นบล็อกรังสีอัลตราไวโอเลต อย่างไรก็ตาม ร่มคุณภาพดีในปัจจุบันมักมีทั้งสองฟังก์ชันรวมกัน
ทีมงานเซียนร่มผลิตร่มที่ทั้งกัน UV และกันน้ำในตัวเดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายทั้งแดดและฝน คุ้มค่าและสะดวกกว่า

โรงงานผลิตร่ม ขายส่งร่มราคาถูกจากโรงงาน
หาสนใจซื้อร่มจากร้านขายร่มราคาถูกจากโรงงานสามารถติดต่อได้ตามที่อยู่ด้านล่างค่ะ
ติดต่อโรงงานผลิตร่ม เซียนร่ม
เวลาทำการ จันทร์ - เสาร์ (8.00-17.00) หยุดวันอาทิตย์
ฝ่ายขาย : 098-3287854 , 061-6762488 Tel & Fax. : 02-9218852 , 034-106215 Website : zeanrom.com | Facebook : Zeanrom | Line : @ZeanRom