วิธีดูพยากรณ์อากาศและการพกร่ม ระหว่างที่เดินทาง

ในหลายๆพื้นที่ในประเทศไทยก็เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงนี้ฝนตกค่อนข้างบ่อย แถมหลายๆพื้นที่ก็ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยอีกด้วย อาจจะเพราะด้วยความที่ฝนตกหนักและปัจจัยอื่นๆมากมาย เพราะฉะนั้นหากท่านมีเหตุจำเป็นที่ต้องเดินทางหรือทำธุระปะปังต่างๆผมจึงขอแนะนำให้ พกร่ม ติดตัวไปด้วย โดยการพกร่มนั้นก็ควรเลือกลักษณะรูปทรงและประโยชน์ ตามที่ท่านจำเป็นเพื่อที่จะได้ใช้ร่มให้เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

หลายๆท่านอาจจะไม่ชอบการ พกร่ม ออกจากบ้านแต่ก็ไม่อยากเสี่ยงว่าฝนจะตกไหมอีก การพยากรณ์อากาศจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะฉะนั้นนี่อาจจะเป็นอีกทางเลือกให้กับคนที่ไม่ชอบการพกร่ม หรือ คนที่ต้องการรู้สภาพอากาศก่อนออกจากบ้านก็ได้เช่นกัน

พยากรณ์อากาศ คือ?

โดยปกติหลายๆท่านอาจจะออกจากบ้านไปทำธุระโดยมองดูเพียงท้องฟ้าและคิดว่าวันนี้ฝนคงไม่ตกลงมาหลอก จนไม่ได้พกร่มติดตัวไว้แต่กลับเกิดเหตุการณ์ฝนตกอย่างไม่คาดคิดจึงอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ เพราะฉะนั้นการดูพยากรณ์ก่อนออกจากบ้านหรือหลังตื่นนอน ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การเดินทางของท่านสะดวกขึ้น

การพยากร์อากาศ คือ การคาดหมายสภาวะของอากาศและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ในอนาคต ส่วนใหญ่ที่เห็นกันจะพยากรณ์ในด้านของ อุณภูมิ ฝน เมฆ หมอก รวมถึงภัยธรรมชาติต่างๆ ที่ทั้งรุนแรงไม่และไม่รุนแรง โดยการพยากรณ์สภาวะอากาศจะแบ่งออกได้ 3 ชนิด ตามช่วงเวลาของการพยากรณ์

1.พยากรณ์อากาศระยะสั้น ( Short Range Forecast ) จะเป็นการพยากรณ์อากาศในช่วงที่ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง จากปัจจุบัน โดยใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบอากาศ และแผนที่อากาศในปัจจุบันมาวิเคราะห์ตามแนวทางทฤษฎีอุตุนิยมวิทยา

1.1 การพยากรณ์อากาศในปัจจุบัน ( Nowcast ) ช่วงเวลาพยากรณ์จะไม่เกิน 3 ชั่วโมง

1.2 การพยากรณ์อากาศสั้นมาก ( Very Short Range )  ช่วงเวลาพยากรณ์ไม่เกิน 12 ชั่วโมง

1.3 การพยากรณ์อากาศสั้น ( Short – Range ) ช่่วงเวลาพยากรณ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง

2.จะเป็นการพยากรณ์ระยะกลาง (Medium-range Forecast ) คือ การพยากรณ์อากาศในเวลาที่มากกว่า 72 ชั่วโมง จนถึง 10 วัน

3.การพยากรณ์อากาศระยะนาน ( Longe Range Forecast ) คือ การพยากรณ์อากาศที่มากกว่า 10 วันขึ้นไป

 

วิธีการพยากรณ์อากาศ

วิธีการพยากรณ์อากาศก็มีหลากหลายรูปแบบซึ่งใช้ต่างกันออกไป

• วิธีดูภูมิอากาศ วิธีแรกนี้จะใช้วิธีคาดหมายโดยคิดจากค่าเฉลี่ยนสถิติของภูมิอากาศ หลายๆ ปี วิธีจะใช้ได้ผลต่อเมื่อลักษณะของลมฟ้าอากาศ ใกล้เคียงกับ สภาวะปกติในช่วงฤดูกาลนั้นๆ
• วิธีดูแนวโน้ม เป็นการพยากรณ์อากาศโดยดูจากทิศทางและความเร็วในการเคลื่อนที่ของลมฟ้า อากาศ เพื่อคาดหมายว่าในอนาคตระบบดังกล่าวจะเคลื่อนที่ไปอยู่ที่ไหน ตำแหน่งอะไร โดยปกติวิธีนี้จะใช้ได้ผลดีต่อเมื่อลมฟ้า อากาศ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วหรือทิศทาง สามารถใช้วิธีนี้สำหรับการพยากรณ์ฝน ในระยะเวลาไม่เกินครึ่งชั้วโมงได้ อีกด้วย
• การพยากรณ์อากาศด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นการใช้คอมเพิวเตอร์เพื่อคำนวณการเปลี่ยนแปลง ของสภาพอากาศต่างๆ โดยจะใช้เป็นแบบจำลองเชิงตัวเลข จำลองบรรยากาศและพื้นโลก ด้วยสมการทางคณิณศาสตร์ที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนแต่มีข้อเสีย คือ รูปแบบจำลองไม่มีลายละเอียดมากเท่าธรรมชาติจริงๆ

วิธีการพยากรณ์อากาศ ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

การพยากรณ์อากาศนั้น บางครั้งเราก็สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองจากสิ่งรอบกาย โดยอาศัยการสังเกตและการจดจำรูปแบบ ถึงแม้จะมีหลายๆปัจจัยที่ทำให้คลาดเคลื่อนได้แต่ก็เป็นอีกวิธีที่จะพยากรณ์อากาศง่ายๆด้วยตัวเราเอง

1.สังเกตก้อนเมฆ ชนิด ลักษณะของมันรวมไปถึงการเคลื่อนที่ว่าเมฆลอยไปในทิศทางไหนอีกด้วย เพราะเมฆสามารถบอกถึงสภาพอากาศที่จะเกิดขึ้นได้ โดยปกติเมฆสีขาวธรรมดาลอยอยู่สูงจะเป็นตัวบ่งบอกถึงอากาศดี ส่วนเมฆดำครึ้มและลอยต่ำลงมานั้นเป็นที่รู้กันดีว่าฝนหรือพายุกำลังจะเข้ามา

2.สังเกตน้ำค้างตามยอดหญ้าในเวลาเช้า ถ้าหากหญ้าแห้งแสดงว่ามีเมฆหรือลมแรงพัดมา นั่นหมายความว่าฝนกำลังจะตกนั่นเอง อย่างไรก็ตามหากคืนก่อนที่จะดูมีฝนตกลงมา วิธีนี้จะไม่สามารถใช้ตรวจสอบได้

3.สังเกตนก เพราะหากพวกนกบินสูงขึ้นฟ้า แสดงว่าอากาศดี แต่หากพวกนกบินต่ำลงมา จะแสดงว่าความกดอากาศต่ำ ซึ่งแปลได้ 2 ความหมายว่าฝนหรือพายุกำลังจะมา

4.สุดท้ายเป็นวิธีที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่สืบทอดกันมา โดยให้สังเกตมด หากพวกมดขนเสบียงอาหารหรือไข่ของพวกมันขึ้นที่สูงนั่นหมายความฝนกำลังจะตกลงมา

---

 

การที่หลายๆท่านพกร่มออกไปในที่สาธาณะนั้นหากเป็นร่มพับ 2-3 ตอน ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากด้วยขนาดที่พกพาได้ แต่หลายๆท่านก็คงไม่ชอบร่มพับ 2-3 ตอน ซักเท่าไหร่ อาจจะเพราะในเรื่องของขนาดที่เล็กและบางท่านไม่สะดวกนำร่มใส่กระเป๋า ก็อาจจะจำเป็นที่ต้องพกเป็นร่มตอนเดียวก็ได้ โดยส่วนใหญในประเทศไทยผู้ชายจะนิยมใช้ร่มตอนเดียวมากกว่า ร่ม 2-3 ตอน จึงทำให้อาจเกิดปัญหาเวลาเดินทางได้ ทั้งเรื่องการที่ต้องถือร่มตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้สะดวก แถมยังเรื่องที่ต้องคอยหลบคนในสถานที่ต่างๆอีกด้วย ผมจึงขอแนะวิธีการใช้ร่มตอนเดียวเวลาออกข้างนอกอย่างถูกวิธีเพื่อความสะดวกต่อผู้ใช้ และ ยังทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ

วิธีถือร่มที่ผิด

ตามรูปการที่หลายท่านจับตรงกลางของตัวร่ม จะทำให้มีบางส่วนของร่มที่กินพื้นที่ออกไปได้ทั้งด้านหน้าและข้างหลังของผู้ถือ และในเวลาที่ท่านเดินในลักษณะถือร่มนี้ ยิ่งทำให้เกิดโอกาสที่ร่มจะไปโดนคนอื่นได้ง่าย ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ควรระวังเป็นอย่างมาก

วิธีถือร่มให้ถูกต้อง

โดยเรื่องนี้ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ @neruto suguasa ได้พูดถึงเรื่องของปัญหาเวลาคนในประเทศญี่ปุ่นพกร่มไว้ว่า มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ถือร่มโดยจับเพียงตรงกลางของตัวร่มและปล่อยให้ความยาวของตัวร่มนอนไปกับพื้น (ซึ่งส่วนตัวผมเวลาออกไปทำธุระข้างนอกก็เห็นหลายๆท่านจับร่มในลักษณะนี้ เช่นกัน) ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายมาก

วิธีที่เหมาะสมในการจะถือร่มนั้นจริงๆแล้วควรให้จับตรงที่ด้าม โดยให้ปลายร่มชี้ลงไปที่พื้น วิธีการถือในลักษณะนี้จะทำให้พื้นที่ในการกินพื้นที่ลดน้อยลงที่สุด ถึงแม้อาจจะต้องคอยกังวลเรื่องที่ปลายร่มอาจจะไปกระแทกเข้ากับพื้นก็ตาม

วิธีพกร่มเข้ารถไฟฟ้า

ในวันที่วุ่นวายและเร่งรีบหลายๆท่านที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ คงไม่สะดวกนำรถของตัวเองออก ด้วยความที่การจราจรกรุงเทพเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดนั่นเอง ทางเลือกของหลายๆคนคงจะเป็นรถไฟฟ้าที่สะดวกและรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องใช้บริการเป็นประจำ แต่ถึงแม้รถไฟฟ้าจะสะดวกรวดเด็วแค่ไหนก็มีปัญหาที่ทุกท่านต้องเคยเจอคือ จำนวนคนที่มากมาย ยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะฉะนั้นเมื่อคนเยอะ ยิ่งมีการเบียดกันเกิดขึ้นหากถือร่มแบบผิดวิธี ตามรูปด้านบนคงเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นแน่

รถไฟฟ้าจึงเป็นอีกที่ ที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการพกร่มตอนเดียวเดินทาง วิธีที่รับมือคนจำนวนมากได้ดีที่สุดสิ่งแรกคือการถือร่มให้นาบไปกับลำตัว อย่าแกว่งร่มไปมาเล่น หากร่มของท่านเปียกควรระวังเรื่องน้ำที่จะหยดลงมาจากร่มของท่านด้วย ทางที่ดีเมื่อขึ้น รถไฟฟ้าให้ไปยืนแอบที่ไม่มีคนหรือหากคนเต็มรถไฟฟ้า ให้พยายามไปจุดที่มุมรถเพราะน้ำที่หยดจากร่มของท่านอาจทำให้เกิดการลื่นได้

*หากตัวของท่านเปียก ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อที่จะได้เข้าในช่องทางพิเศษ เพราะอาจเกิดไฟดูดได้ในตอนที่กดบัตร