ร่มตอนเดียว มีขนาดเท่าไหร่บ้าง ? แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?

ร่มตอนเดียว โดยปกติได้รับความนิยมสูงเป็นอับดับต้นๆเลย ด้วยความ Classic ของตัวร่ม และประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ นอกนั้นเรียกได้ว่าเป็นร่มที่ได้รับการทำเป็นร่มพรีเมี่ยมมากที่สุด ด้วยความที่มีความใหญ่จนไม่สามารถเก็บใส่กระเป๋าลงได้แต่ก็ไม่ใหญ่เกินจนไม่สามารถถือได้ จึงนิยมทำเป็นร่มพรีเมี่ยม โดยสามารถอ่านต่อวิธีเลือกสินค้าพรีเมี่ยมได้ที่ แนะนำร่มพรีเมี่ยม โดยส่วนใหญ่ที่คนนิยมกันจะมีขนาดตั้งแต่ 16 – 24 นิ้วด้วยกัน โดยแต่ละขนาดก็มีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย ดังนี้

ร่มตอนเดียว 16 นิ้ว

เป็นร่มตอนเดียวที่มีขนาดเล็กที่สุด จึงสามารถพกพาไปไหนได้อย่างสะดวกสบาย สามารถปกป้องแสงแดดได้เป็นอย่างดี  แต่ก็แลกกับความคงทนที่อาจจะไม่ได้แข็งแรงเท่ากับร่มอื่นเท่าไหร่

ร่มตอนเดียว 22 นิ้ว

ร่มขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิด จึงมีหน้าที่กว้างจนสามารถปกป้องตัวผู้ใช้จากฟ้าฝนได้ และเป็นขนาดที่นิยมให้ทำเป็นของพรีเมี่ยมอีกด้วย เนื่องจากร่มตอนเดียวขนาดนี้ กำลังดีที่หลายๆท่านใช้กัน และมีต้นทุนที่ไม่สูงนัก

ร่มตอนเดียว 24 นิ้ว

ต่อมาเป็นร่มตอนเดียวขนาด 24 นิ้ว เพิ่มจากร่ม 22 มาอีก 2 นิ้วเพราะฉะนั้นความต่างและความนิยมของมันค่อนข้างสูงๆ พอๆกัน จึงแทบไม่มีความแตกต่าง สามารถปกป้องแสงแดดและฝนฟ้าได้ดีเช่นเดียวกัน

ร่มตอนเดียวว 28 นิ้ว

เป็นร่มตอนเดียวขนาดใหญ่ ที่สามารถจุคนได้มากกว่า 1 คน นิยมพกไว้เพื่อกันฝนฟ้าและลมพายุ ไม่นิยมพกไว้เดินทางเพื่อกันแดด เหตุเพราะขนาดที่ใหญ่ถึงแม้จะไม่เทอะทะมาก แต่ก็ไม่กระทัดลัดนักหากท่านต้องการปกป้องอันตรายจากแสงงแดดเพียงอย่างเดียวแนะนำให้ลดขนาดหรือหันเลือก ร่ม 2-5 ตอน จะดีกว่า

หากท่านต้องการสั่งทำ ร่มพรีเมี่ยม แนะนำให้สั่งทำขนาด 16 – 24 นิ้ว เป็นร่มตอนเดียวที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีขนาดที่พอดีไม่ใหญ่จนเกินพกพาไปไหนไม่ได้ แต่ก็ไม่เล็กจนสามารถใส่กระเป๋าเข้าไปได้ จนต้องเดินถือพกพาไปมา ให้ใครหลายๆคนสังเกตเห็นถึง Logo ในร่มนั้นๆง่ายขึ้นด้วย แต่หากต้องการความกว้างที่สามารถนำไปใช้ได้หลายคน ก็ควรเป็นร่ม 28 นิ้ว หรือหากเจาะจงจะใช้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ร่มกอล์ฟ หรือร่มสนาม ก็สามารถเลือกใช้เป็ร่มพรีเมี่ยมได้ตามความต้องการ

 

ลวดลายที่แตกต่างของ ร่ม 8 ช่อง และ 16 ช่อง

ร่มตอนเดียวนอกจากจะแบ่งแยกในเรื่องของขนาด ก็ยังมีการแบ่งในเรื่องช่องร่มจะมีทั้ง 8 ช่อง และ 16 ช่อง โดยเหตุที่มีช่องเพิ่มเพราะได้ติดตั้งซี่ลวดร่มเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ความแข็งแรงทนทานมากขึ้น และยยังมีรูปทรงที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม ตามตัวอย่างรูปด้านล่าง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*ยิ่งร่มที่ช่องของร่มเยอะขึ้นแค่ไหน ความกว้างในการสกีน Logo ก็จะยิ่งน้อยลงไปเท่านั้น

ร่มเหมาะกับทุกฤดูกาล

ภายในประเทศไทยนั้น นอกจากฤดูฝนแล้วหลายๆท่านคงคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องพกพาร่มติดตัว แต่ทว่าจริงๆแล้วเริ่มต้น ร่ม ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างร่มเงาเท่านั้นไม่ได้เริ่มสร้างมาเพียงแค่ปกป้องท่านจากฟ้าฝนอย่างเดียว ยิ่งเป็นประเทศไทยที่นอกจากฝนแล้วก็เหลือเพียงแค่ร้อน กับ หน้าหนาวที่มีเพียงแค่อึดใจเดียวก็หมดหน้าหนาวแล้ว จึงควรมีร่มพกติดตัวหรือติดรถ ไว้ตลอดเวลา เพื่อปกป้องท่านจากอันตรายของแสงแดด และรวมถึงฟ้าฝนด้วย

แล้วหน้าหนาวล่ะ? จะต้องพกร่มติดตัวไว้ทำไม? อาจจะมีหลายๆท่านเกิดคำถามนี้ขึ้น ผมขอบอกไว้เลยว่าด้วยนัวตกรรมและเทคโนโลยีสมัยนี้นั้นพัฒนาร่มออกมาให้มีความแข็งแรงทนทาน และยังมีเสริมลูกเล่นมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยบางท่านอาจจะพกเพื่อนำมาใช้มาเป็นไอเท็มแฟชั่นอีกชิ้นก็ได้ หรือหากเป็นผู้สูงอายุก็นิยมนำร่มมาใช้เป็นไม้เท้า ท้ายสุดนอกจากนี้ร่มยังสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธในการป้องกันตัวได้อีกด้วย

อันตรายจากร่มที่ไม่มีคุณภาพ

โดยทั่วไปหากท่านเลือกซื้อสินค้าอะไรก็ตามก็ต้องใส่ใจถึงคุณภาพสินค้า รวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ เพราะหากเราซื้อสินค้าที่ไม่มีคุณภาพอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่หากท่านเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพจากร้านที่น่าเชื่อถือ และนอกจากนั้นควรตรวจทานวัสดุอุปกรณ์ของสินค้าและคุณภาพก่อนซื้อทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง

หากร่มที่ท่านซื้อมาไม่ได้มีคุณภาพ อาจะทำให้เกิดการสึกหรอง่าย ไม่ทนทานต่อแรงลมจนก่อให้เกิดการหักงอและยังก่อให้เกิดอันตรายของซี่รวดที่หักออกอีกด้วย ทั้งยังไม่มีคุณภาพที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้จริงๆ และผ้าร่มที่แสนจะขาดง่าย

แนะนำว่าให้เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือและมี มอก. เสมอ อย่ามองผิวเผินแค่เพียงราคาถูกเพราะนอกจากไม่ได้สินค้าที่ต้องกับความต้องการของท่านแล้ว ยังทำให้มีโอกาสได้สินค้าที่มีคุณภาพต่ำอีกด้วย

หรือหากท่านสงสัยในเรื่องของอุปกรณ์ของร่ม หรือสนใจอยากรู้ว่าร่มทำมาจากวัสดุอะไรบ้าง สามารถอ่านต่อได้ที่ ส่วนประกอบของร่ม

*มอก. เป็นคำย่อมาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึงข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้กำหนดขึ้น โดยภายใน มอก. แต่ละเล่มประกอบด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นั้น เช่น เกณฑ์เทคนิค คุณสมบัติที่สำคัญ ประสิทธิภาพของการนำไปใช้งาน และคุณภาพของวุตถุที่นำมาผลิตเป็นต้น